หลวงพ่อเปลี่ยนไป - หลวงพ่อเปลี่ยนไป นิยาย หลวงพ่อเปลี่ยนไป : Dek-D.com - Writer

    หลวงพ่อเปลี่ยนไป

    วัดแห่งแรก ที่ผมมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัส และคุ้นเคยกับเจ้าอาวาส งานแรกทีผมได้เข้าไปช่วยเหลือ คืองานผ้าป่า ได้เห็นความสมถะ เรียบง่ายของหลวงพ่อ จึงเกิดความศรัทธา แต่นานวัน..หลวงพ่อกลับเปลี่ยนแปลงไป

    ผู้เข้าชมรวม

    102

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    102

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ก.ค. 67 / 03:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                      หลวงพ่อ. เปลี่ยนไป

               ผมเริ่มเข้าไปสัมผัสกับวัดต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับสถาบัน เพราะต้องไปหยิบยืมอุปกรณ์ที่ในการจัดกิจกรรมต่างๆอาทิ วันปฐมนิเทศ วันไหว้ครู งานกีฬาสีฯลฯ  

          “อาตมา อยากแนะนำให้โยมอาจารย์ ไปหยิบยืม สิ่งของเครื่องใช้ ที่วัดสำเร็จอารามกับหลวงพ่อพระครูรัตนอาคม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสจะดีกว่า สำหรับโต๊ะหมู่บูชา เชิงเทียน แจกัน อาตมาจะให้หยิบยืมเอง” หลวงพ่อพระครูสุธรรมโม พูด

           “ผมต้องทำอย่างไรบ้าง  ครับหลวงพ่อ ”

           “ให้สถาบันฯทำหนังสือขอยืมโดยระบุชนิดอุปกรณ์ที่จะยืม ระบุจำนวน ทางวัดคงไม่ขัดข้องอะไร เพราะบ้าน  วัด โรงเรียน จำต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน ” หลวงพ่อพูด

          “ผมต้องมีค่าใช้จ่ายอะไร หรือเปล่า ครับ”

          “โดยปกติ แต่ละวัด จะมีกฎกติกาที่ไม่เหมือนกัน อย่างที่วัดของอาตมา เมื่อหยิบยืมสิ่งของไป ผู้ยืมจะช่วยทำบุญตามจิตศรัทธา ”

          “แล้วที่วัดสำเร็จอาราม  ล่ะครับ ”

          “โยมลองไปถาม พระที่ดูแล ก็แล้วกัน”

          วัดแห่งแรกในจังหวัดลำปาง ที่ผมได้เข้าไปสัมผััสและเข้าไปช่วยเหลือคิอวัดมงคลมิ่ง วัดนี้อยู่ห่างจากสถาบันไปเพียง 250 เมตร วัดนี้.ได้เริ่มก่อร่างสร้างขึ้นมา ก่อนหน้าที่ผมจะมาบรรจุ 5 ปี- ในวัดยังมีโรงเรียนประชาบาลซึ่งสอนนักเรียน ระดับชั้นประถม 1- 4 โรงเรียนนี้มีครูผู้สอนสี่คน ในจำนวนครูสี่คน มีครูผู้ชายทำหน้าที่เป็นครูใหญ่ ผมยังจำได้ว่าช่วงที่ผมมาสอนใหม่ๆ กรรมการสโมสรนักศึกษาได้มาประชุมหารือกันที่บ้านพักอาจารย์เพื่อจะจัดงานผ้าป่า ถวายแก่ทางวัด เนื่องจากนายกสโมสร ได้มาอาศัยที่บ้านพักครูซึ่งเป็นศิษย์เก่า(รุ่นพี่)  เขาจึงได้บอกกล่าวให้อาจารย์เจ้าของบ้านได้รับทราบ

      “หลวงพ่อ ท่านขอให้นักศึกษาของสถาบัน ช่วยจัดตั้งกองผ้าป่าหนึ่งกอง  ผมจึงคิดว่านอกจากพวกนักศึกษาแล้ว เราอาจจะขอให้คณาจารย์ -พนักงาน ได้ช่วยร่วมทำบุญด้วยการหักเงินเดือน เพื่อจัดตั้งกองผ่าป่าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งกอง สำหรับพวกผมจะให้หัวหน้าชั้นเรียน แจ้งให้เพื่อนๆในชั้นได้ร่วมบริจาคเงินตามจิตศรัทธาครับ" นายกสโมสรฯ พูด

      “ดี. พี่ก็เห็นด้วย ”อาจารย์นฺพชัย ซึ่งเป็นรุ่นพี่พูดกับรุ่นน้อง 

       และนี่ .จึงเป็นโอกาส ที่ผมได้เข้าไปสร้างความสัมพันธ์และสร้างความสนิทสนมกับนักศึกษาที่มีอายุห่างกันกับผมเพียง 3-4 ปีเท่านั้น  เพียงสี่เดือนที่ผมมาบรรจุเป็นข้าราชการ ถือว่าเป็นเวลาที่สั้นมาก แต่ผมก็สามารถเข้าถึงจิตใจนักศึกษาและประชาชนละแวกข้างเคียงสถาบันได้ไม่ยากนัก 

                                                *********************** 

      “ผมอยากจะมาขอยืมกลองยาว ฆ้อง ฉิ่งฉาบ เพื่อจะได้จัดขบวนแห่จากวิทยาลัยมายังวัด และบางช่วงโอกาสก็จะนำกองผ้าป่า มาตั้งตรงบริเวณศาลาทางเข้าวิทยาลัยเพื่อเรี่ยไรกับรถโดยสารและรถที่วิ่งผ่านไปมาบนทางถนนครับ”นายกสโมสรพูด    

     “เดี๋ยวอาตมา จะให้สามเณร พาไปดูที่ห้องเก็บวัสดุ นะ” หลวงพ่อพูด 

      หลังจากหลวงพ่อได้เรียกสามเณรมาพบแล้ว จึงสั่งการให้สามเณรพาเรืองพันธ์ นายกสโมสรนักศึกษากับ เพื่อนอีกสามคน ไปยังห้องเก็บของ  

     “มีกลองยาวอยู่ 5 ลูกครับ สำหรับฆ้อง ฉิ่งฉาบก็มีอย่างละ 1 ชิ้นเท่านั้น“ สามเณรพูด

      “งั้นน้องเณรช่วยจดบันทึกว่าพี่ได้ขอยืมกลองยาว 5 ลูก พร้อมฉิ่งฉาบและฆ้อง”เรืองพันธ์ พูด

      “ครับ.. พี่”สามเณรตอบ

          กองผ้าป่าได้ตั้งที่บริเวณทางขี้น- ลงของตึกอำนวยการ กองผ่้าป่าที่สโมสรนักศึกษาได้จัดเตรียมตามคำแนะนำของหลวงพ่อ จะมีถังน้ำ ต้นผ้าป่าที่ใช้กิ่งมะขาม ตุ๊กตาชะนี  เวชภัณฑ์ ร่ม จีวรและไม้เสียบธนบัตร  เวลานั้นผมนั่งทำงานที่ห้องพัสดุซึ่งเป็นทางขึ้นลงของทุกๆคน ทุกๆเช้า นักศึกษาจะไปเอากองผ้าป่าที่ฝากไว้ที่ห้องของผมมาตั้งไว้ และพอเย็นๆ ประมาณสี่โมง-ห้าโมงเย็น พวกเขาก็จะมาฝากเก็บไว้ในห้องทำงานของผม

         “วันทอดผ้าป่า  ผมอยากให้อาจารย์ขลุ่ย ไปร่วมงานด้วย  ” นายกสโมสรพูด

          “ได้สิ  ผมไม่ได้ไปไหน  ”

           หลังจากถึงวันกำหนดการทอดผ้าป่าซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ โดยในวันก่อนหน้าคือวันเสาร์  กรรมการสโมสรนักศึกษาได้นำกองผ่าป่าไปตั้งไว้ที่บริเวณศาลาพักผู้โดยสาร ซึ่งอยู่ติดกับถนนทางหลวง เพื่อให้ผู้สัญจรไปมาได้เห็น พร้อมกันนั้นมีป้ายเขียนติดไว้ว่า “ ผ้าป่าสามัคคี จัดทอดถวายที่วัดมงคลมิ่ง ” คราใดที่รถบัสโดยสารผ่าน นักศึกษาจะโบกรถให้จอด พร้อมบอกโชเฟอร์ว่า ขอขึ้นรถไปเรี่ยไรกับผู้โดยสารสักครู่  

       บริเวณศาลาที่พักผู้โดยสารมีต้นจามจุรีต้นใหญ่กางกิ่งก้านใบให้ร่มเงาปกคลุม ลมพัดเอื่อยๆเย็นสบาย นักศึกษาได้แบ่งหน้าที่กันทำงาน  ส่วนหนึ่งไปเตรียมงานที่วัด และอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ศาลาริมทางคอยดักโบกรถ เพื่อขอเรี่ยไรทำบุญ             “จารย์พี่  ดื่มเหล้าเถื่อนได้มั้ย” เรืองพันธ์ พูด  

         “ได้หมด..แหละ  ”ผมพูด

         “ผมไม่นึกว่า คนกรุงเทพฯ จะกินเหล้าเถื่อนได้ แสดงว่าคอแข็งเลยสิครับ”เรืองพันธ์พูด

        “พอได้น่ะช่วงสมัยเรียน ผมเป็นเด็กกิจกรรมต้องผ่านการดื่มน้ำเมา ดังนั้นจะเหล้า  ประเภทไหน ยี่ห้อไหน บ่อยั่น (ไม่กลัว) ”ผมพูด

         ในวงเหล้า มีนักศึกษาเกือบ20 คน ช่วงที่ยังไม่มีรถผ่านมา พวกเขาก็จะร้องรำทำเพลง ตีกลองยาว สร้างบรรยากาศให้สนุกสนาน 

      “ยังไง ?? คนที่ขึ้นไปบนรถเพื่อขอเรี่ยไร ผมอยากขอให้เป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้า.. นะ เพราะดูจะช่วยเรียกศรัทธาได้ดีกว่าคนกินเหล้า” ผมเสนอความเห็น

       “ครับ  ผมเตรียมคนไว้แล้วครับ ”เรืองพันธ์พูด

        ขณะอยู่ในวงสนทนา ผมไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง ในความเป็นอาจารย์และเสมือนเป็นรุ่นพี่  เพราะเราสามารถจะคุยด้วยภาษาเดียวกัน และเข้าใจกัน 

      “พรุ่งนี้ พวกผมต้องมาวัดแต่เช้า ผู้อำนวยการ คงมาร่วมถวายองค์ผ้าป่า งานนี้มีอาจารย์จักรกฤษผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายกิจการก็มาดูแลด้วย ”เรืองพันธ์พูด

      “ครับ”ผมตอบไปสั้นๆ

                                           ***************************

                                              ณ. ศาลาการเปรียญ 

          เมื่อถึงเวลาถวายองค์ผ้าป่า คณาจารย์ -คนงาน นักศึกษาและชาวบ้านต่างเตรียมพนมมือ ไหว้พระ ตามที่มัคทายกนำสวด ขั้นต่อมามัคทายกได้กล่าวเรียนเชิญให้ผู้อำนวยการและอาจารย์ ให้มาถวายองค์ผ้าป่าแด่หลวงพ่อเจ้าอาวาส และพระที่รับกิจนิมนต์มาร่วมพิธี เมื่อขั้นตอนตรงนี้เสร็จ สโมสรนักศึกษาได้จัดถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ และหลังพระฉันท์เสร็จแล้วนักศึกษาจึงกินข้าวด้วยกัน นี่คือประสบการณ์ ที่ผมได้สัมผัสกับกิจกรรมของนักศึกษาที่ผมได้มาสอนเป็นที่แรกของชีวิต

     “นักศึกษาที่นี่ สามัคคี กันดีเยี่ยมเลย ” ผมคิด

     หลังจากรับประทานอาหารกันจนอิ่ม ช่วงภาคบ่ายนักศึกษาได้ช่วยกันพัฒนาวัด โดยการทำความสะอาดศาลา  ตัดหญ้า ทาสี ซ่อมแซมรั้ว ปลูกต้นไม้เพิ่มเติม เทพื้นปูนโรงครัวให้โรงเรียน  และที่นี่..ทำให้ผมได้รู้จักกับพระและ ครูในโรงเรียนแห่งนี้ จากนั้นมาเมื่อผมมีโอกาสก็จะแวะมาคุยกับหลวงพ่อ จากที่ได้คุยแลกเปลี่ยนกันกับท่าน ผมได้เกิดวามรู้สึกศรัทธาที่ท่านวางตนสำรวมมีควาสมถะ เพราะดูจากการครองจีวรผืนเก่าๆ และพักในกุฎิที่ไม่ใหญ่นัก 

    “ โยมอาจารย์ เข้ามาในวัดได้ตลอดเวลา เลยนะ” หลวงพ่อพูด

     “ ขอบคุณครับหลวงพ่อ จริงๆ ผมมีความคิด อยากจะมาช่วยพัฒนาวัดให้มากขึ้นกว่านี้” ผมพูด

    “ดีเลย โยมอาจารย์ อาตมาอยากให้ผู้รู้งาน ได้เข้ามาช่วยกันทำนุบำรุง ส่งเสริมการศาสนา ”หลวงพ่อพูด

    “งั้น..จากนี้ไป หากผมว่าง จะแวะมาคุยกับหลวงพ่อ ”ผมพูด

                                               ***********************

              ช่วงวันเสาร์- วันอาทิตย์ที่ผมมานั่งกินข้าวร้านอาหารตามสั่งข้างวัดเสร็จแล้ว ผมจะแวะเข้าไปหาหลวงพ่อ เพื่อนั่งคุยเรื่องทั่วๆไป หลายๆครั้ง ผมเห็นรถเก๋งคันหรูจอดที่ข้างพระอุโบสถ เมื่อเห็นว่าหลวงพ่อมีแขกอยู่ จึงเดินไปสำรวจพื้นที่ในวัด เพื่อคิดพิจารณาดูว่าจุดใด จะดำเนินการอะไรได้บ้าง หลังจากแขกที่มาหาหลวงพ่อเสร็จกิจ  เขาจึงขอตัวกลับจากที่ผมเห็น พอจะสันนิษฐานว่าบุคคลที่มาหาหลวงพ่อ ต้องเป็นคนมีฐานะดีมากๆ  เนื่องจากแต่งกายดี อาภรณ์และเครื่องประดับแวววาวทั่วกาย 

        “นมัสการครับ หลวงพ่อ  ” ผมเอ่ยปาก

        “วันนี้ว่าง หรือโยมอาจารย์ ”หลวงพ่อพูด

        “ครับ  ”

         ผมนั่งคุยกับหลวงพ่อประมาณ 20 นาที โดยบอกกับท่านว่า ปีหน้าหากมีการจัดผ้าป่าอีกผมจะนำภาพยนตร์ และดนตรีมาสมโภชช่วงค่ำ

       “ก็ดี ชาวบ้านจะได้ผ่อนคลาย เพราะในหมู่บ้านของเรา ไม่ค่อยมีโอกาสจะได้รับความบันเทิงแบบชมฟรี” หลวงพ่อพูด

      “นี่ผมเพิ่งทราบจริงๆว่าในวัดมีโรงเรียนอยู่ด้วย ผมอยากรบกวนให้หลวงพ่อได้กรุณาสอบถามกับครูใหญ่ว่า โรงเรียนอยากจะให้นักศึกษาได้ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง  ”

       สองสัปดาห์…ต่อมา ผมได้กลับมาพบกับหลวงพ่ออีกครั้ง  จึงได้รับคำตอบจากหลวงพ่อว่า ครูใหญ่อยากได้เครื่องพิมพ์ดีดและตู้เก็บเอกสาร  ปีการศึกษาถัดมา..เมื่อนายกสโมสรนักศึกษาคนใหม่ที่ผมสนิทดี ได้มาพบผมที่บ้าน เพื่อมาปรึกษาการทำกิจกรรมต่างๆ ผมจึงได้เกริ่นกับเขาล่วงหน้าว่า หากปีนี้สโมสรจะจัดกิจกรรมผ้าป่าถวายแด่วัดอีก   อยากขอแบ่งปันเงินส่วนหนึ่งของผ้าป่า เพื่อซื้อตู้เก็บเอกสารให้ทางโรงเรียนด้วย

     “ผมคุยกับหลวงพ่อแล้วว่าไม่ขัดข้อง สำหรับเงินผ้าป่า ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น” ผมพูดกับนายกฯ 

     “ครับ อาจารย์พี่”

                และเมื่อถึงเวลาที่พวกเราจัดงานผ้าป่า พวกเราก็คงทำในรูปแบบเดิมคือเรี่ยไรจากรถโดยสาร ได้เงินจากอาจารย์ที่หักทำบุญ  และปีนี้.ผมก็ได้นำภาพยนตร์กลางแปลงและดนตรีมาจัดแสดงให้ประชาชนในละแวกนี้ ได้ชมฟรี    ทุกอย่างดำเนินไป ด้วยความเรียบร้อย เครื่องพิมพ์ดีดเก่าที่วิทยาลัยไม่ใช้ ผมขอนุญาตผู้อำนวยการ ได้นำไปมอบให้ทางโรงเรียนใช้ สำหรับตู้เอกสารสองตู้ พวกเราได้ซื้อใหม่ให้ทั้งหมด   

                                                    *************************

               ช่วงที่ผอ.บรรจบ มาเป็นผู้บริหารที่สถาบัน ผมมีความเครียดมาก จึงได้มาปรึกษากับหลวงพ่อ เพื่อหาทางออกให้กับตน

       “โยมอาจารย์สามารถเข้ามาในวัด  มานั่งสมาธิในพระอุโบสถ เพื่อผ่อนคลายก็ได้ อาตมาเปิดทุกเวลา อาตมาสร้างกุฎิหลังใหม่เสร็จแล้ว กุฎิหลังเก่ามีหลายห้อง จะมานอนพักค้าง ก็ได้นะ ” หลวงพ่อพูด

       “ผมไม่เข้าใจว่า ผมทุ่มเททำงานให้ผู้อำนวยการมากมายขนาดนี้ เขายังมองว่าเป็นคนไม่ดีอีก”  ผมพูด

       “โยมอาจารย์ ไปแข็งข้อ ดึงดัน ขัดผลประโยชน์เขาหรือเปล่า” หลวงพ่อพูด

       “ไม่แน่ใจครับ ผมก็ทำหน้าที่ ที่ควรจะปฎิบัติ นี่.. ผมเพิ่งทราบว่าผู้อำนวยการ มีหุ้นส่วนใหญ่ ของห้างหุ้นส่วนวนาบรรณก่อสร้าง ที่ได้เข้ามาประมูลงานอาคารเรียนรวม” ผมพูด

       “คงน่าจะใช่  การทำงานหากตึง เกินไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี ควรเดินสายกลางดีกว่านะ  ” หลวงพ่อพูด

       การได้มาปรับทุกข์กับหลวงพ่อ ได้คุย- ได้ระบายกับหลวงพ่อ ทำให้ผมสบายใจขึ้นมากและในปีเดียวกันนั้น ผมจึงทำเรื่องขอลาบวชหนึ่งพรรษา และหลังจากการสึกมาแล้ว ผมยังเข้าวัดมาหาหลวงพ่อเช่นเคย

      “สบายใจขึ้นหรีือยังโยม อาจารย์ ”

      “ดีขึ้น บ้างครับ ”

           ระหว่างที่ผมได้เข้ามาวัดบ่อยครั้งขึ้น  ได้เห็นว่ามีนายทหาร นายตำรวจ ข้าราชการระดับสูง ของจังหวัดได้เข้ามาหาหลวงพ่อไม่เว้นแต่ละวัน  จากคำบอกเล่าจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด ได้เล่าให้ผมฟังว่า หลวงพ่อท่านเป็นพระที่ดูดวงชะตาได้แม่นยำ คำร่ำลือนี้ ในแวดวงคนมีฐานะ ข้าราชการระดับสูง จึงมีความเลื่อมใส ศรัทธา จนต้องมาดูดวงชะตากันเนืองๆ นี่จึงทำให้ภายในวัดมีการพัฒนาขึ้นอย่างผิดหูผิดตา  คนมีฐานะ  นายทหาร นายตำรวจ ได้บริจาคเงินเพื่อสร้างกุฎิหลังใหม่ให้หลวงพ่อ ทั้งยังมีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ

           สิบปีแรกๆ ที่ผมรู้จักกับหลวงพ่อ เมื่อผมไปนิมนต์ให้ท่านมางานสำคัญๆในสถาบัน ท่านไม่เคยละเว้นที่จะมาร่วมพิธีกรรมทางสงฆ์เลยสักครั้ง และเช่นเดียวกัน เมื่อผมมีโอกาสจะนำนักศึกษาไปช่วยพัฒนาวัดมิได้ขาด

       “หลวงพ่อครับพอดี ที่สถาบันฯกำลังจะเปิดศูนย์วัฒนธรรม ผมในฐานะหัวหน้าศูนย์ฯ จึงต้องรวบรวมวัตถุต่างๆ เพื่อจัดแสดงในวันประชุมวิชาการ จึงอยากขอรบกวนหลวงพ่อ ยืมวัตถุบางชิ้นในวัด เพื่อไปจัดแสดงให้นักศึกษา และประชาชนในจังหวัด ได้เข้าชมครับ”

      “ที่วัดไม่มีหรอก โยมอาจารย์  “ หลวงพ่อ รีบปฎิเสธทันควัน

      “ งั้นผมขออนุญาต เดินดูว่า มีสิ่งใดที่พอจะยืมไปจัดแสดงได้บ้าง”

       “ตามสบาย   “

        เมื่อผมขออนุญาตหลวงพ่อแล้ว จึงเดินสำรวจรอบๆ บริเวณวัด และได้มาหยุดอยู่ที่ห้องเรียนเก่า ที่โรงเรียนถูกยุบตัวลง เพราะมีนักเรียนน้อย ผมเปิดไฟในห้อง แล้วก็ต้องตะลึงเพราะสิ่งมีค่า ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ -รักษา ต้องถูกปลวกกัดแทะเสียหายไปอย่างมาก 

        “นี่เป็นพระไตรปิฎก ที่เก่าแก่มาก ทำจากใบลานเสียด้วย “ ผมบ่น

          ในห้องเรียนเก่าที่ไม่มีการดูแล ทั้งทางวัดยังเอาของเก่าที่มีค่า มากองสุมทิ้งจนปลวกกัดทำลายไปเกือบหมด  นับเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง  ผมรู้สึกโกรธหลวงพ่อขึ้นมาทันที 

       “จากนี้ไป ผมกับหลวงพ่อ คงจะเดินเป็นคู่ขนานกันแล้ว หากผมไม่จำเป็น ผมจะไม่เข้ามาเหยียบในวัด อีกเป็นอันขาด  “ ผมนึก  

                                                 *************************

           แน่นอนว่า วัดแห่งนี้ขาดคนอย่างผมเสียคนเดียว เขาก็มิใช่จะเดือดร้อน  เพราะมีนายทหาร นายตำรวจที่มีลูกน้องมากมายหากหลวงพ่อต้องการที่จะพัฒนาวัด แค่เอ่ยปากบอกนายทหาร นายตำรวจเหล่านั้นพวกเขาก็สนองความต้องการได้ทันที  ความเปลี่ยนแปลงของหลวงพ่อเริ่มมากขึ้นๆพูดได้ว่าช่วงหลังที่สถาบันฯ มานิมนต์ท่านเพื่อมารับบาตร งานไหว้ครู  งานวันขึ้นปีใหม่ ท่านจะให้พระลูกวัดมาแทนตลอด 

       “หลวงพ่อ ท่านจะรับแขก เฉพาะคนรวย คนมียศมีตำแหน่งเท่านั้น แหละอาจารย์”  ชาวบ้าน ส่วนใหญ่พูด

      “ไปใส่ความท่าน” ผมพูด

     “จริงครับ งานศพพ่อผม ท่านยังปฎิเสธมาสวดพระอภิธรรมเลย ท่านบอกให้ไปนิมนต์พระอีกวัดแทน ไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียวงานศพชาวบ้านจนๆ ท่านก็ไม่ไป ไม่เชื่อ ไปถามชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ดูก็ได้”  หนานเดช พูด

         ระยะหลัง ที่ผมผ่านวัด เมื่อเจอหลวงพ่อก็ทักทายกับท่านตามมารยาท การจะกลับไปฟื้นความสัมพันธ์ดังเดิมคงยาก   สภาพของวัดที่ปัจจุบันรกร้าง เพราะขาดการดูแลเอาใจใส่  ชาวบ้านก็เมิน เมื่อวัดขาดความสัมพันธ์กับสถาบัน วัดจึงมีสภาพคล้ายวัดร้าง เพราะไม่มีคนเข้าไปช่วยพัฒนาอีก

           การที่หลวงพ่อเปลี่ยนไป และไปยึดติดกับคนรวย คนมียศถาบรรดาศักดิ์ เพราะจะได้เงินปัจจัยที่ได้รับถวายมากมาย เสียงครหาจากชาวบ้านดังขึ้น ความศรัทธาของชาวบ้านได้ลดลง สิบปีต่อมา ท่านก็มรณภาพด้วยโรคชรา งานศพของท่านแม้จะยิ่งใหญ่ตามสมณศักดิ์ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่มาร่วมงานเพียงไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์  

        “หลวงพ่อ มีเงินร่ำรวยเป็นสิบๆล้านเลยนะ อาจารย์ ท่านเอาไปให้ญาติของท่าน ปลูกบ้านหลังใหญ่เบ้อเร่่อ   ออกรถตู้ให้หลานชายวิ่งรถโดยสาร“เสียงครหาจากชาวบ้านดังมาเข้าหูผม

                                                       หลวงพ่อเคยสอนผมไว้ว่า

                          ชีวิตคนเราเกิดมาก็แค่นี้ ต่างกันก็แค่ที่ดีชั่ว อย่ามัวคิดว่าตัวนั้น จะเลิศเลอกว่าใคร

                               แต่สุดท้าย  หลวงพ่อก็ทะยอทะยานกับ ลาภยศ สักการะ สรรเสริญเอง

                                                        ผม.. หมดศรัทธาจริงๆ  

                                                             ขลุ่ย บ้านข่อย  

                                                         (๑๗ กรกฎาคม  ๖๗) 

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×